รีวิว Keychron K8 Pro
โดย CNN underscored

รีวิว Keychron K8 Pro

"มาพร้อมกับความรู้สึกหรูหราของ Q series แต่ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่า ติดตั้ง Bluetooth มาเพื่อการเชื่อมต่อแบบไร้สาย คีย์บอร์ด Keychron K8 Pro จึงเป็นคีย์บอร์ดที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เริ่มสนใจใน mechanical keyboard และอาจจะเป็นคีย์บอร์ดเพียงตัวเดียวที่คุณต้องการก็ได้"

หากคุณต้องการแมคคานิคอลคีย์บอร์ดที่เสียงเบา ดูดีระดับ และไม่สนใจเรื่องการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Q1 จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคีย์บอร์ดในช่วงราคาเดียวกัน แต่ถ้าหากคุณต้องการคีย์บอร์ดในช่วงราคาที่ลดลงมา K8 Pro จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และยังมีตัวเลือกการใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth อีกด้วย

ถึงแม้ว่าคีย์บอร์ด K8 Pro จาก Keychron จะไม่หรูหราเท่าตระกูลคีย์บอร์ดยี่ห้อเดียวกันใน Q series แต่คีย์บอร์ดรุ่นนี้ก็ยังมอบสัมผัสการพิมพ์ที่สบายมือกำลังดี และยังมีฟีเจอร์อื่นๆ สำหรับเสริมความสะดวกสบายในการใช้งานและยังสามารถใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สายได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถหาซื้อได้ง่ายไม่ว่าจะผ่านทาง Keychron โดยตรงหรือผ่านตัวแทนจำหน่าย ทำให้คีย์บอร์ดรุ่นนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มมีความสนใจในการใช้งานแมคคานิคอลคีย์บอร์ด

โดยในคีย์บอร์ดรุ่น K8 Pro นี้ ทาง Keychron ได้นำฟีเจอร์บางส่วนที่พบได้ในแมคคานิคอลคีย์บอร์ดรุ่นท็อปเช่นเดียวกับในคีย์บอร์ดตระกูล Q series เช่น PBT Keycaps ที่ทำให้สัมผัสการพิมพ์สบายขึ้น โฟมรองเคสอย่างหนาเพื่อลดเสียงที่เกิดจากตัวคีย์บอร์ด ไฟ RGB Backlight แบบ South-facing เพื่อให้รองรับกับ Keycap ได้หลายรูปแบบ และการตั้งค่าได้ถึงระดับตัวเฟิร์มแวร์ด้วยซอฟต์แวร์เปิดเผยต้นฉบับ (open source) QMK Firmware และการตั้งค่าผ่าน VIA โดยคีย์บอร์ดตระกูล K นั้นโดดเด่นในเรื่องราคาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาจากคีย์บอร์ดรุ่นท็อปนั้นทำให้ K8 Pro ไม่เพียงแต่เหมาะสมที่จะเป็นแมคคานิคอลคีย์บอร์ดตัวแรกสำหรับผู้สนใจ แต่อาจจะเป็นคีย์บอร์ดเพียงตัวเดียวที่คุณต้องการก็เป็นได้

เราได้ทดลองใช้คีย์บอร์ดรุ่น K ตัวอื่นๆ ตั้งแต่รุ่นพื้นฐาน (รุ่นเคสพลาสติก ไฟ backlight สีขาว) ไปจนถึงรุ่นที่มาพร้อมกับตัวเลือกครบเครื่อง (รุ่นเคสอะลูมิเนียม ไฟ RGB backlight) และพบว่าทุกรุ่นให้ประสบการณ์การพิมพ์ที่น่าพึงพอใจ สวิตช์แมคคานิคอลรุ่น G Pro จาก Gateron ให้สัมผัสการพิมพ์ที่นุ่มนวลและสบายมือ และ keycaps วัสดุ ABS ที่ลงสีตัวอักษรด้วยวิธีการ double-shot แบบมีไฟ backlight ลอดออกมาจากตัวหนังสือบนคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดจาก Keychron ทุกรุ่นนั้นอ่านง่ายทั้งตอนที่มีไฟลอดหรือปิดไฟ backlight ไปแล้ว (ถึงแม้ว่า keycaps ในรุ่น K8 Pro นั้นจะไม่มีไฟลอด แต่เราก็ยังคิดว่าคีย์แคปที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดนั้นให้สัมผัสที่ดีกว่า)

การเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และการสลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ (ผ่าน Bluetooth 5.1 และสามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 3 อุปกรณ์พร้อมกัน) นั้นทำได้อย่างรวดเร็ว และบนอุปกรณ์ที่เราทดสอบ (iPad, Surface และ MacBook Pro) นั้นมีการเชื่อมต่อที่เสถียรตลอดระยะเวลาการใช้งาน และยังสามารถสลับไปมาระหว่างการใช้งานบน macOS และ Windows ได้ด้วย toggle บนตัวคีย์บอร์ด ทำให้คุณสามารถใช้งานคีย์บอร์ดกับอุปกรณ์ทุกเครื่องบนโต๊ะของคุณได้อย่างง่ายดาย

แบตเตอรี่ของตัวคีย์บอร์ดนั้นสามารถใช้งานได้ถึง 240 ชั่วโมงตามที่ได้โฆษณาไว้ เมื่อปิดไฟ backlight เราสามารถยืดเวลาการใช้งานของคีย์บอร์ดได้ถึง 1 อาทิตย์โดยไม่พบปัญหาในการใช้งานใดๆ และเมื่อเปิดไฟ backlight ทิ้งไว้ก็ยังสามารถใช้งานได้ทั้งวันอีกด้วย คีย์บอร์ดรุ่น K8 Pro ทำการชาร์จผ่านพอร์ต USB-C และยังสามารถใช้งานผ่านสายในระหว่างการชาร์จได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่เราพบปัญหาการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียรเนื่องจากค่าเริ่มต้นของคีย์บอร์ดถูกตั้งไว้ให้ทำการปิดการใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานเป็นระยะเวลาหนึ่ง (auto sleep) การปิดฟังก์ชั่นดังกล่าวทำให้เราสามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้ดีขึ้นโดยไม่มีผลกระทบใดๆ กับระยะเวลาการใช้งานผ่านแบตเตอรี่

ถึงกระนั้นเราก็ยังพบข้อเสียบางประการ เช่น ความสูงของคีย์บอร์ดรุ่น K และ keycaps ที่ทำให้ตัวคีย์บอร์ดสูงขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าผู้ใช้ที่พิมพ์สัมผัสเป็นอาจจะไม่ประสบปัญหากับความสูงระดับนี้มากนัก แต่ผู้ใช้ที่ต้องการวางฝ่ามือลงกับพื้นโต๊ะในขณะที่ใช้งานคีย์บอร์ดอาจจะต้องหาที่รองข้อมือมาใช้เพิ่ม (โดยทาง Keychron มีที่รองข้อมือทำจากไม้ที่มีขนาดตรงกับคีย์บอร์ดแต่ละรุ่นจำหน่ายแยกให้กับผู้ใช้ด้วยเช่นกัน)

ที่มา:
https://edition.cnn.com/cnn-underscored/reviews/best-mechanical-keyboards