แนะนำ Mechanical Keyboard ยอดนิยม
Mechanical Keyboard คีย์ครอนรุ่นไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
สวัสดีเพื่อน ๆ และว่าที่สมาชิกใหม่ของครอบครัวคีย์ครอนคีย์บอร์ดทุกคน เนื่องจากลูกค้าหลายคนมีข้อสงสัยว่าคีย์บอร์ดของเราแต่ละรุ่นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง วันนี้ทาง Keychron Thailand จะมารีวิวคีย์ครอนไร้สายแต่ละรุ่น เพื่อให้คนที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อคีย์บอร์ด Keychron รู้ว่าคีย์ครอนรุ่นไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวนั่นเอง
หากคุณต้องการทราบข้อมูลเรื่องระดับความดังของเสียงพิมพ์ แรงกดและแรงต้าน หรือความรู้สึกขณะพิมพ์คีย์บอร์ด คุณสามารถอ่านบทความเรื่อง ประเภทของสวิตช์ Gateron ได้เลย โดยสินค้าคีย์บอร์ดคีย์ครอนของเราทุกรุ่นสามารถเลือกสวิตช์ได้ทั้งหมด 3 สี (สีแดง สีน้ำตาล และสีฟ้า) ที่ให้ความรู้สึกต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสพิมพ์แบบนุ่มไร้เสียงกด แบบมีแรงต้านระดับกลาง และแบบมีแรงต้านสองจังหวะพร้อมเสียงกดที่มันส์เร้าใจ ดังนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อคีย์ครอนรุ่นไหนไป คุณก็สามารถเลือกสวิตช์ที่เข้ากับความต้องการของคุณได้ทุกรุ่น
Keychron K2
รุ่น: Keychron K2 v.2
ขนาด: compact tenkeyless
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่โต๊ะน้อย
ก่อนอื่นขอแนะนำพระเอกของเราก่อน นั่นก็คือ Keychron K2 เพราะว่ารุ่น K2 เป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่ได้รับการระดมทุนมากที่สุดในโลกในปี 2019 เป็นคีย์บอร์ดที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นรุ่นที่ราคาถูกที่สุด ใช้งานง่ายคล่องตัว และขายดีที่สุดของคีย์ครอน ถ้าจะเรียกรุ่น K2 ว่าเป็นคีย์ครอนรุ่นมาตรฐานที่ชาวคีย์ครอนต้องมีก็คงไม่ผิดเลย
โดยฟีเจอร์หลักของรุ่นนี้ก็คือ เป็นคีย์บอร์ดขนาด 75% มีปุ่มกด 84 ปุ่ม ไม่มีปุ่มตัวเลข (Numpad) และไม่มีปุ่ม Insert คีย์ครอนรุ่น K2 นี้มีการจัดวางเลย์เอาต์แบบแนบชิดกันทุกปุ่มกด (Compact) ทำให้มีขนาดกะทัดรัดกำลังดี เหมาะกับวัยทำงานที่ชอบตกแต่งโต๊ะให้เรียบหรูดูดี สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ชอบตกแต่งออฟฟิศด้วยคีย์บอร์ดสวย ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย
นอกจากนี้คีย์บอร์ด Keychron ทุกรุ่นสามารถใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดสามอุปกรณ์ ทำให้ชาวออฟฟิศที่งานยุ่งสามารถใช้พื้นที่ทำงานได้อย่างประหยัดและสะอาดตา ถ้าหากคุณเป็นเกมเมอร์ที่อยากจะลองเปลี่ยนมาใช้ Mechanical Keyboard ดีไซน์มินิมอล คีย์ครอน K2 ของเราก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะว่าคีย์ครอนรุ่นนี้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้ทุกรูปแบบนั่นเอง
Keychron K4
รุ่น: Keychron K4 v.2
ขนาด: compact full-sized (96%)
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่โต๊ะน้อย
คีย์บอร์ดไร้สายคีย์ครอนรุ่น K4 มีฟีเจอร์หลักเหมือนกับ Keychron K2 เกือบทุกประการ ต่างกันที่รุ่น K4 นั้นมีแถบปุ่มตัวเลข (Numpad) เพิ่มเข้ามาที่ด้านขวาของแป้นพิมพ์เท่านั้น ปุ่มตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมานี้จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถพิมพ์ตัวเลขได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องสลับภาษาแล้วกดปุ่มตัวเลขด้านบนเหมือนรุ่น K1 (84 keys), K2 หรือ K6 เลย และด้วยฟีเจอร์พิเศษที่เพิ่มเข้ามานี้ จึงทำให้ผู้ใช้ที่ทำงานอยู่กับตัวเลข เช่น นักบัญชี นักการเงิน งานธนาคาร หรือนักวิเคราะห์ข้อมูล สามารถใช้ Keychron K4 ได้เกิดประโยชน์สูงสุดเลยล่ะ
นอกจากคีย์ครอนรุ่นนี้จะพัฒนาขึ้นมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ทำงานเกี่ยวกับตัวเลขแล้ว คีย์บอร์ด Keychron K4 ยังเป็นที่ถูกใจของผู้ใช้งานทั่วไปที่ชอบความสะดวกสบายครบเครื่อง ไม่ต้องวุ่นวายกับการสลับภาษาเหมือนแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊ก ถ้าหากคุณเป็นคนที่ทำงานติดออฟฟิศหรือคิดว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสะดวก คีย์บอร์ด Keychron K4 ก็ต้องตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน
Keychron K1
รุ่น: Keychron K1 v.4
ขนาด: เลือกได้ระหว่าง Full-sized (100%) หรือ Tenkeyless
สวิตช์ที่ใช้: Gateron Low-profile Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, น้ำหนักเบา พกพาง่าย
มาถึงคีย์บอร์ดรุ่นแรกของแบรนด์คีย์ครอนของเรา Keychron K1 กันแล้ว รุ่นนี้เป็นรุ่นที่เปิดตัวระดมทุนบนเว็บไซต์ Kickstarter.com ครั้งแรกก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้คนทั่วโลก โดยคีย์บอร์ด Keychron K1 รุ่นนี้มีตัวเครื่องบางเฉียบเพียงแค่ 18 มิลลิเมตรเท่านั้น วัสดุที่ใช้ผลิตแข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย นอกจากนี้ยังเป็นคีย์บอร์ดเมคานิคอลไร้สายที่ใช้สวิตช์ Gateron แบบ Low-profile ทำให้ใช้แรงกดน้อยกว่า มีแรงต้านน้อยกว่า Keychron รุ่นอื่น ด้วยเหตุนี้ Keychron K1 จึงเหมาะกับผู้ใช้คีย์บอร์ดที่ชื่นชอบสัมผัสการพิมพ์แบบโน้ตบุ๊ก แต่มีความต้องการอยากใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทำงานตัวอื่นอย่างสมาร์ทโฟนหรือไอแพดด้วยนั่นเอง
คีย์บอร์ด Keychron K1 รุ่นนี้เหมาะกับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานเป็นประจำ หรือเหมาะกับคนที่มักจะต้องหอบงานกลับไปทำต่อนอกสถานที่ เนื่องจาก Keychron K1 เป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่บางเบา น้ำหนักน้อย ขนาดพอดี ไม่เทอะทะ หรือถ้าหากคุณต้องทำงานติดออฟฟิศแต่ชอบดีไซน์เรียบหรู การเลือกซื้อรุ่น K1 ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
Keychron K1 ถูกจัดทำขึ้นมาสองขนาด คือขนาด 104 ปุ่มกด ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดขนาดเต็มที่มีครบทุกปุ่มกด และอีกขนาดคือขนาด 87 ปุ่มกดซึ่งไม่มีปุ่มตัวเลข (Numpad) ให้คุณเลือกใช้ตามความต้องการได้เลย
Keychron K3
รุ่น: Keychron K3 v.2
ขนาด: compact tenkeyless (75%)
สวิตช์ที่ใช้: Gateron optical low-profile
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, น้ำหนักเบา พกพาง่าย, สวิตช์ optical เพื่อการตอบสนองต่อการกดที่เร็วขึ้น
Keychron K3 เป็นเมคานิคอลคีย์บอร์ดแบบ Low-profile รุ่นแรกของโลกที่สามารถใช้ฟีเจอร์ Hot swap เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันทีโดยไม่ต้องบัดกรี และเป็นครั้งแรกที่มีสวิตช์ใหม่อย่าง Optical เข้ามาให้เลือกใช้ด้วย ซึ่งทนทานและตอบสนองไวกว่าเดิม สำหรับใครที่สนใจอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับ Optical switch สามารถคลิกไปอ่านได้ที่ลิงก์นี้เลย
K3 ถูกปรับรูปโฉมใหม่ด้วย low profile switch ที่บางลงกว่าสวิตช์แบบเดิมถึง 40% บวกกับโครงสร้างอลูมิเนียมบางเฉียบจึงทำให้ K3 กลายเป็นเมคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สายที่บางและเบาที่สุดในโลก มาพร้อมเลย์เอาต์ 75% มีปุ่มกดทั้งหมด 84 ปุ่ม พร้อมปุ่มคีย์ลัดมัลติมีเดีย 12 ปุ่ม ซึ่งจะเหมือนกับรุ่น K2 และบลูทูธเวอร์ชั่น 5.1 ก็สามารถทำให้เชื่อมต่อได้ระยะไกลถึง 10 เมตร ส่วนความสามารถอื่น ๆ ก็ยังครบเครื่องตามแบบฉบับของคีย์บอร์ดคีย์ครอนรุ่นก่อน ๆ เช่นเคย
K3 คือเวอร์ชั่นกะทัดรัด (compact) ของคีย์บอร์ด TenKeyLess ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงมัลติมีเดียคีย์และฟังก์ชั่นคีย์ได้ด้วยพื้นที่ที่เล็กกว่า ดีไซน์เรียบหรู มินิมอล และเพรียวบางที่สุดในทุกรุ่น เหมาะสำหรับคนที่ต้องเคลื่อนย้ายสถานที่ทำงานบ่อย ๆ ถ้าคุณถูกใจในความเพรียวบางแบบ ultra-slim ก็หยิบคีย์ครอนรุ่น K3 เข้าลิสต์ของที่ต้องมีได้เลย
Keychron K6
รุ่น: Keychron K6
ขนาด: 65%
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาง่าย
คีย์บอร์ด Keychron K6 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดด้วยจำนวนปุ่มกดเพียง 68 ปุ่มเท่านั้น (ไม่มีปุ่มตัวเลขด้านขวา ไม่มีปุ่ม Insert ไม่มีปุ่ม print screen นอกจากนี้ยังรวมปุ่ม function keys ปุ่ม media keys และปุ่มตัวเลขด้านบนเข้าด้วยกัน) ทำให้คีย์ครอนรุ่นนี้เป็นรุ่นที่กะทัดรัดที่สุด เหมาะสำหรับผู้ใช้เฉพาะกลุ่มหรือผู้ที่มีความต้องการแบบพิเศษ เช่น ผู้ใช้ที่ต้องพกคีย์บอร์ดเดินทางไปทำงานบ่อย ๆ ผู้ใช้ที่ชอบดีไซน์คีย์บอร์ดขนาดกะทัดรัด (Compact) ผู้ใช้ที่ต้องการใช้คีย์บอร์ดขนาดเล็กเพื่อเพิ่มที่ว่างบนโต๊ะทำงาน หรือผู้ใช้ที่ต้องการคีย์บอร์ดขนาด 65% มาตกแต่งโต๊ะให้เข้าสไตล์กับออฟฟิศ เป็นต้น
แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าหากคุณซื้อคีย์บอร์ดรุ่นนี้ไป คุณอาจจะต้องอาศัยเวลาทำความคุ้นเคยกับมันสักหน่อย เพราะด้วยความที่ Keychron K6 รวบปุ่ม Function Keys (F1-12) ปุ่ม Media Keys (เพิ่ม-ลด-ปิดเสียง ปรับความสว่าง ปรับขนาดจอ เปิด-ปิดไวไฟ ฯลฯ) มาไว้ที่ปุ่มตัวเลขด้านบน ทำให้ผู้ใช้งานต้องกดปุ่ม Fn กำกับเมื่อสลับการใช้งานระหว่างปุ่มกดพิเศษนั่นเอง
คีย์บอร์ด Keychron K6 รุ่นนี้ยังมีความพิเศษสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ K6 เป็นคีย์บอร์ดคีย์ครอนที่สามารถทำการ “Hotswap” หรือถอดปรับแต่งสวิตช์กดได้ตามใจโดยไม่ต้องบัดกรีแผงวงจรให้ยุ่งยาก เรียกได้ว่า Keychron K6 นี้มีฟีเจอร์เด็ดเฉพาะทางมากมาย หากจะบอกว่า Keychron รุ่น K6 เป็นขวัญใจของชาว mechanical คีย์บอร์ดสายฮาร์ดคอร์ก็คงไม่ผิด
Keychron K8
รุ่น: Keychron K8
ขนาด: Tenkeyless
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดทั่วไป ใช้เวลาในการปรับตัวน้อย
Keychron K8 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless layout ซึ่งจะมาช่วยยกระดับความโปรดักทีฟให้กับคุณ ด้วยขนาดที่สั้นลงทำให้มีพื้นที่ในการจัดวางมือมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้คีย์บอร์ดแบบ Full size ที่วงแขนของเราจะกางมากกว่าปกติเพื่อรองรับแป้นพิมพ์ยาว ๆ เมื่อตัดพื้นที่ Numpad ออกไปได้ก็จะถนัดต่อการใช้งานและไม่ทำให้เมื่อยแขน อีกทั้งยังมีพื้นที่สำหรับใช้เมาส์เพิ่มมากขึ้นด้วย
ในส่วนของวัสดุตัวฐานคีย์บอร์ดนั้นเป็นพลาสติก และเฟรมเป็นอะลูมิเนียม มีความแข็งแรงทนทาน Keychron รุ่น K8 ถูกออกแบบให้แป้นพิมพ์มีความลาดเอียงขณะวาง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถกดปุ่มได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้านล่างมีขารองที่สามารถปรับความชันคีย์บอร์ดได้สองระดับตามความถนัดของคุณ
หากคุณประสบปัญหากดแป้นพิมพ์บน K4 ผิดอยู่บ่อย ๆ คีย์บอร์ดตัวนี้เหมือน K4 ที่ตัดปุ่ม numpad ออก และได้ทำการแยก Navigation Keys ให้ห่างออกมาเล็กน้อย เพื่อตอบโจทย์ความถนัดที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ใครที่รู้สึกว่าไม่ถนัดกับแป้นที่ติดกันใน K4 ก็เลือกซื้อเป็นตัว K8 แทนได้ ตัวคีย์บอร์ดที่สั้นลงจะทำให้คุณประหยัดพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น และช่วยลดอาการเมื่อยมือจากการต้องใช้เมาส์ไกล ๆ อีกด้วย
Keychron K7
รุ่น: Keychron K7
ขนาด: 65%
สวิตช์ที่ใช้: Gateron low-profile Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดเล็กเป็นพิเศษ น้ำหนักเบา พกพาง่าย
Keychron K7 เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนตลอดเวลา แต่ไม่อยากทิ้งประสบการณ์การใช้งานคีย์บอร์ด Mechanical ไว้ที่บ้าน ด้วยขนาด 65% และสวิตช์แบบ low profile จาก Gateron ทำให้ Keychron K7 มีน้ำหนักเพียง 350 กรัมเท่านั้น แต่ยังคงปุ่ม multimedia ต่างๆ และปุ่มสำคัญที่ใช้ในการทำงานไว้ โดยสามารถเข้าถึงได้จากการกดปุ่ม fn1/fn2 ค้างไว้ก่อนที่จะกดปุ่ม function ที่ต้องการใช้งาน
ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แต่ K7 ก็ยังคงความแข็งแรงทนทานในแบบฉบับของ Keychron ไว้ ด้วยเฟรมที่ผลิตจากอลูมิเนียมและเพลตผลิตจาก SGCC Steel อีกทั้งยังสามารถปรับองศาในวางได้สองระดับด้วย 2-step adjustable foot ทำให้ประสบการณ์การพิมพ์บน K7 ให้สัมผัสที่ดีเยี่ยมและความมั่นคงไม่แพ้รุ่นพี่ตัวอื่นๆ จาก Keychron เลย
Keychron K10
รุ่น: Keychron K10
ขนาด: full-sized
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows
สำหรับคนที่กำลังอยากเปลี่ยนจากคีย์บอร์ดธรรมดามาใช้คีย์บอร์ดแบบ mechanical แต่ไม่อยากทิ้งความคุ้นชิ้นจากการใช้งานคีย์บอร์ดแบบ full-size แล้ว Keychron K10 จะตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความครบครันของคีย์บอร์ดขนาด full-sized 108 ปุ่ม ไม่มีการตัดปุ่มใดๆ หรือลดขนาดของคีย์บอร์ดด้วยการย่นระยะห่างระหว่างฝั่ง numpad กับฝั่ง alphanumeric ทำให้ Keychron K10 เหมาะกับผู้ใช้งานคีย์บอร์ดที่ไม่ต้องการลดสเปคหรือลดขนาดใดๆ
เมื่อไม่การลดขนาดแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าสเปคอื่นๆ ก็ไม่ได้ถูกลดลงด้วยเช่นกัน คีย์บอร์ดรุ่น K10 ยังคงใช้เฟรมอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับ keychron รุ่นอื่นๆ เพื่อความแข็งแรงทนทาน และการออกแบบตัวแป้นให้เอียงองศารับกับมือของผู้ใช้ ประกอบกับสวิตช์ Mechanical ของ Gateron ที่นอกจากจะเลือกเองได้แล้ว ยังสามารถถอดสวิตช์ที่มากับคีย์บอร์ดออกเพื่อใส่สวิตช์แบบ MX ตัวอื่นเข้าไปแทน ทำให้การใช้งานเป็นเวลานานไม่ล้าข้อมือ และยังปรับแต่งความนุ่ม-หนักของปุ่มได้ตามต้องการ
นอกจาก feature ทั่วไปที่มากับคีย์บอร์ดแล้ว K10 ยังมาพร้อมกับปุ่มเรียกใช้งาน Siri/Cortana และปุ่มเฉพาะระบบปฎิบัติการอื่นๆ อย่าง Num Lock, Screen Lock อีกด้วย และ Keychron K10 นั้นยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก Keychron อีกด้วย แบตเตอรี่ขนาด 4000mAh ของ Keychron K10 ทำให้สามารถใช้งานแบบปิดไฟ backlight ได้นานสูงสุดถึง 240 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Keychron K12
รุ่น: Keychron K12
ขนาด: 60%
สวิตช์ที่ใช้: Gateron MX-Style Red/Blue/Brown
feature สำคัญ: ใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์, USB type-C, ไฟ Backlight, เปลี่ยนสวิตช์ได้ทันที (hot-swappable), รองรับการใช้งานกับ Mac และ Windows, ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่บนโต๊ะน้อย
Keychron K12 นั้นเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ใช้ที่ยังไม่ถูกใจกับขนาด 65% ของ Keychron และคิดว่าคีย์บอร์ดยังสามารถลดขนาดลงไปมากกว่านี้ได้อีก โดย K12 ได้ทำการตัดปุ่ม function อย่าง page up/down และ navigation cluster (ปุ่มลูกศร) ออกไปอีก เพื่อให้ได้คีย์บอร์ดที่ใช้พื้นที่บนโต๊ะคุ้มค่าทุกตารางเซนติเมตรอย่างแท้จริง แต่ถึงปุ่มทั้งหลายจะถูกตัดออกไป ผู้ใช้ยังคงสามารถเข้าถึง function keys ต่างๆ และปุ่มลูกศรได้ตามปกติด้วยปุ่ม fn1 และ fn2
และเช่นเคยกับคีย์บอร์ดของ Keychron ทุกตัว ขนาดที่เปลี่ยนไปไม่ได้แปลว่าคุณภาพจะเปลี่ยนตาม Keychron K12 ยังคงคุณสมบัติเดียวกับรุ่นอื่นๆ เช่น เฟรมคีย์บอร์ดที่ผลิตจากอลูมิเนียม,การออกแบบเพื่อให้ความลาดชันของตัวคีย์บอร์ดรับกับมือของผู้ใช้งานขณะพิมพ์, การเปลี่ยนสวิตช์ที่ทำได้ง่ายด้วย hot-swapping, ไฟ Backlight แบบ RGB เพื่อความสวยงาม, การใช้งานแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.1 สูงสุด 3 อุปกรณ์ และการเชื่อมต่อผ่าน USB type-C
หากคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ด Mechanical ที่ขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันไปพร้อมกับความเรียบหรูมีสไตล์ Keychron K12 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีตัวหนึ่งเลยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเบื้องต้นของคีย์บอร์ด Keychron แต่ละรุ่น หากคุณลูกค้าชอบหรือสนใจคีย์ครอนรุ่นไหนเป็นพิเศษก็สามารถติดต่อสอบถามทีมงานของเราได้ทุกเมื่อ และขอย้ำอีกครั้งว่าบทความนี้เป็นเพียงข้อแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น หากคุณลูกค้าชอบฟีเจอร์ไหนของรุ่นใดเป็นพิเศษก็สามารถเลือกซื้อได้ตามใจชอบ ถ้าหากคุณต้องการคำแนะนำแบบเป็นส่วนตัวจากเรา คุณก็สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเราโดยคลิกมุมขวาล่างเพื่อแชทกับเจ้าหน้าที่ได้ทันทีเลย